
ขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง
ตลาดเครื่องดื่มประเภทกาแฟในปัจจุบันเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ ใครกำลังมีความฝันที่ ผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง นั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป! แม้การแข่งขันจะสูงแต่หากเริ่มต้นอย่างเป็นระบบ ก็สามารถสร้างแบรนด์ที่แข็งแรงและพร้อมลงตลาดได้อย่างรวดเร็ว หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหนให้พร้อมลุยตลาดได้ทันที บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
จากข้อมูลของแนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรม ปี 2567-2569 ของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา มูลค่าตลาดและแนวโน้มการเติบโตของตลาดกาแฟพร้อมดื่มในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากรายงานคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตจาก 779.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 เป็น 1,203.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) อยู่ที่ 7.5% ตลอดช่วงเวลาการคาดการณ์ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ระบุว่ามูลค่าตลาดกาแฟพร้อมดื่มของไทยอยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านบาทในปี 2023 และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10.2% ในปี 2024 ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและความต้องการความสะดวกสบายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
จึงไม่ต้องแปลกใจว่า จะมีกลุ่มผู้ประกอบการหรือบริษัทสนใจที่จะผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง เป็นจำนวนมาก เพราะไม่ใช่เพียงแค่ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและความสะดวกสบาย แต่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและสุขภาวะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมองหาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยลง แคลอรีต่ำลง ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือที่มีการเสริมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เป็นต้น (ที่มา: เทรนด์เครื่องดื่มยอดนิยมปี 2024 จาก DITP (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ)
เริ่มต้นผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเองอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
1. วิจัยตลาดและวางแผนธุรกิจ : คุณต้องเข้าใจตลาดกาแฟที่คุณจะเข้าไปในทุกๆ มิติดังนี้
- กลุ่มเป้าหมาย : ใครคือลูกค้าของคุณ? พวกเขาชอบกาแฟแบบไหน มีกำลังซื้อเท่าไหร่? การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้คุณพัฒนาสินค้าที่ตรงใจและทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คู่แข่ง : มีแบรนด์กาแฟอะไรบ้างในตลาด? จุดเด่น จุดด้อยของพวกเขาคืออะไร? การเรียนรู้จากคู่แข่งจะช่วยให้คุณสร้างความแตกต่างและโดดเด่น
- เทรนด์ตลาด : กาแฟ Specialty, กาแฟเพื่อสุขภาพ, กาแฟแบบ Ready-to-drink กำลังมาแรงหรือไม่? การเกาะติดเทรนด์จะช่วยให้แบรนด์ของคุณทันสมัยและน่าสนใจ
- แผนธุรกิจ : เขียนแผนธุรกิจให้ชัดเจน กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายทางการเงิน แผนการผลิต แผนการตลาด และกลยุทธ์การขาย แผนธุรกิจที่ดีจะเป็นแผนที่นำทางให้คุณไปสู่ความสำเร็จ
2. สร้างเอกลักษณ์และเรื่องราวของแบรนด์ : ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเองให้มีเอกลักษณ์และน่าจดจำคือสิ่งสำคัญที่คุณควรทำดังนี้
- ชื่อแบรนด์และโลโก้ : เลือกชื่อที่จดจำง่าย สื่อถึงความเป็นคุณ และโลโก้ที่สวยงาม สะดุดตา และมีความหมาย
- เรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story) : กาแฟของคุณมีที่มาที่ไปอย่างไร? มีแรงบันดาลใจอะไรในการสร้างแบรนด์? การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจจะช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้า
- ภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) : กำหนดโทนสี ฟอนต์และรูปแบบการสื่อสารทั้งหมดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกัน
3. เลือกโรงงานรับผลิตกาแฟ OEM ที่มีมาตรฐาน : การเลือกโรงงานผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเองเป็นหัวใจสำคัญ เพราะเป็นผู้ผลิตสินค้าหลักของแบรนด์ โดยคุณควรพิจารณาข้อมูลของโรงงาน ดังนี้
- มีใบรับรองมาตรฐานหรือไม่ เช่น GMP, HACCP, อย., HALAL
- รองรับการพัฒนาสูตรเฉพาะ (Customize) ให้ตรงความต้องการ
- มีขั้นต่ำการผลิตที่เหมาะสม เช่น เริ่มต้นที่ 500–1,000 ชิ้น
- มีบริการครบวงจรหรือไม่ เช่น ออกแบบบรรจุภัณฑ์, ขึ้นทะเบียน อย., ให้คำปรึกษาทางการตลาด
4. ออกแบบโลโก้และบรรจุภัณฑ์ให้โดดเด่น : ภาพลักษณ์แบรนด์เริ่มจากแพ็กเกจของผลิตภัณฑ์ ที่ต้องสื่อสารกับผู้บริโภคให้ได้ในเสี้ยววินาที การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจใช้งานง่ายและเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ ควรพิจารณาดังนี้
- ออกแบบโลโก้ให้จดจำง่าย
- เลือกโทนสีและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้สะดุดตา
- แสดงข้อมูลบนฉลากให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ชื่อส่วนผสม เลข อย. คำเตือน วันที่ผลิต วันหมดอายุและวิธีการชง
- หากไม่มีทีมออกแบบ แนะนำให้ใช้บริการออกแบบจากโรงงานผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง หรือจ้างกราฟิกมืออาชีพจะดีที่สุด
5. การตลาดและการจัดจำหน่าย : เมื่อสินค้าพร้อมก็ถึงเวลาที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของคุณ ซึ่งคุณควรที่จะเตรียมการดังต่อไปนี้
- ช่องทางการขาย : เช่น
- ออนไลน์ : สร้างเว็บไซต์ E-commerce, ขายผ่านแพลตฟอร์ม Social Media (Facebook, Instagram, TikTok Shop), หรือ Marketplace (Shopee, Lazada)
- ออฟไลน์ : วางจำหน่ายตามร้านกาแฟ, คาเฟ่, ร้านค้าเพื่อสุขภาพหรือเข้าร่วมงานออกบูทตามอีเวนต์ต่างๆ
- การสร้างคอนเทนต์ : สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับกาแฟของคุณ เช่น ประวัติความเป็นมา, เทคนิคหรือสูตรกาแฟพิเศษ รวมคุณสมบัติต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความน่าเชื่อถือ
- โปรโมชั่น : จัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ส่วนลด, ซื้อ 1 แถม 1 หรือแพ็กเกจทดลอง เพื่อกระตุ้นยอดขาย
- การสร้างเครือข่าย : สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนในวงการกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของคาเฟ่ บาริสตา, ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ หรือโรงงานผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และโอกาสทางธุรกิจ
6. กฎหมายและข้อบังคับ : เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น อย่าละเลยเรื่องสำคัญดังนี้
- จดทะเบียนธุรกิจ : จดทะเบียนพาณิชย์หรือบริษัทตามประเภทธุรกิจของคุณ
- ขออนุญาตที่เกี่ยวข้อง : เช่น อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
- เครื่องหมายการค้า : จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ
- ขอใบจดแจ้งสูตร/ส่วนผสมพิเศษ (ถ้ามี)
7. วางระบบบริหารสินค้าและสต๊อก : เช่น
- วางระบบการจัดส่ง เช่น ใช้บริการขนส่งเอกชน
- ควบคุมจำนวนสินค้าในคลังให้แม่นยำ
- บริหารรอบวันหมดอายุอย่างเข้มงวด
การเริ่มโรงงาน ผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง ให้พร้อมลงตลาดทันทีนั้นต้องอาศัยการวางแผนที่ดี ความเข้าใจในตลาด และความมุ่งมั่น ตั้งใจ แต่หากคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างรอบคอบ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ หรือผู้ที่หลงใหลในกาแฟ คุณก็สามารถทำให้ความฝันในการมีแบรนด์กาแฟเป็นของตัวเองเป็นจริงขึ้นมาได้ และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดกาแฟที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง!
BEYOND LABORATORY รับผลิตอาหารเสริมรูปแบบต่างๆ อย่างครบวงจร รวมถึงรับผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง ที่พร้อมดูแลทุกขั้นตอนของการสร้างแบรนด์ ด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสากล ทั้ง GMP และ ISO พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน R&D ที่ช่วยพัฒนาสูตรอาหารเสริมให้เหมาะกับความต้องการของตลาด เราให้บริการผลิตอาหารเสริมหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริมผิวขาว หรือสูตรเฉพาะอื่นๆ ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
สนใจปรึกษา ผลิตกาแฟแบรนด์ตัวเอง สร้างแบรนด์อาหารเสริม
ติดต่อได้ที่ BEYOND LABORATORY
โทร : 063-247-8997
Line : https://line.me/ti/p/~@BeyondLab
Facebook : https://www.facebook.com/BeyondLab1/